ช่วงนี้มีเพื่อนๆของผมหลายคนครับที่มาปรับทุกข์กับผมบ่อยมาก
เราคุยกับหลายเรื่อง แชร์ประสบการณ์ แล้วคิดหาทางแก้ไขซึ่งกันและกัน
หนึ่งในเรื่องปรับทุกข์ที่เหมือนๆกันที่แทรกอยู่ในทุกข์การเสวนาของแต่ละคน คือ “รายได้น้อยเกินไป”
ผมเลยคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นปัญหายอดฮิตที่เป็นรูปธรรมของใครหลายๆคน
ทุกครั้งที่ผมพูดคุย ผมมักจะตั้งคำถามคนเพื่อนผมว่า
“แกคิดว่า รายได้ของแกน้อยใช่ไหม แล้วแกคิดว่า คนแบบแกควรมีรายได้สักเท่าไหร่??”
คำตอบที่ผมได้รับ ก็มักจะเป็นรายได้ที่คำนวณจากรายจ่ายที่มีต่อเดือน บวกความอยากมีเงินเท่านั้นเท่านี้บาท
ผมจึงนำเสนออีกวิธีการหนึ่งครับว่า…
จริงๆแล้ว โลกใบนี้ไม่มีหรอกครับ เจ้าคำว่า “รายได้น้อยเกินไป” มีแต่ “รายได้ไม่พอใช้” เท่านั้นหละ
ทำไมถึงไม่มีคำว่า รายได้น้อยเกินไปหละ ??
“เพราะโลกใบนี้ตั้งอยู่บนกฎของการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันเสมอ”
ที่เรามีรายได้เพียงแค่เท่านี้ ไม่ใช่ว่าเจ้านายให้น้อยเกินไป แต่มันเกิดจากที่เรานั่นแหละ ที่มีความสามารถน้อยเกินไป
รายได้จึงขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถของเรา มันไม่ได้มองว่าเรามีรายจ่ายเท่าไหร่ มันมองที่ความสามารถว่ามีมากแค่ไหน เจ๋งขนาดไหน
ยิ่งเก่งมาก ก็ยิ่งมีรายได้มาก
ฉะนั้นก่อนจะเรียกร้องให้นายจ้างขึ้นเงินเดือนให้เรา ลองถามตัวเองก่อนไหมว่า ความสามารถอะไรของเราที่เพิ่มขึ้นมา
จุดนี้แหละที่หลายคนตกม้าตาย หลงทางไปเลย เพราะเราชอบบ่นว่า ขอขึ้นรายได้ เพราะค่าเงินเพิ่ม เพราะของแพง เพราะภาระเยอะ เราไปมองที่รายจ่ายอะ เราไม่เคยมองจุดกำเนิดของรายได้เลย
การทำให้น้ำไหลมากขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนท่อส่งให้ใหญ่ขึ้นฉันใด อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ต้องเพิ่มความสามารถของตัวเองฉันนั้น
เรียนเพิ่มสิ หาความรู้เพิ่มสิ มีทักษะหลากหลายมากขึ้นสิ ถ้าคิดจะมีรายได้เพิ่ม
เราต้องมองในแง่ของผู้จ่ายเงินด้วยนะ
อย่าลืมว่า รายได้ของเรา คือรายจ่ายของคนอื่น ถ้าเขาคิดว่าไม่คุ้ม เขาก็ไม่จ่ายยังไงหละครับ
เมื่อผมพูดแบบนี้ ทำให้คิดได้ว่า “รายได้เงินแสน เงินล้าน เชื่อไหมว่ามีคนพร้อมจ่ายจ้างเรานะ”
หาไม่ยากหรอกครับงานที่มีเงินเดือนแพงๆ มีเยอะมาก แต่ที่หายากก็คือ คนที่มีความสามารถมากพอที่เขาคิดว่าคุ้มจ้างต่างหาก
ลองคิดดูดีๆ ก่อนขอขึ้นค่าแรง ความสามารถของเราหนะมีมากขึ้นกว่าวันแรกที่มาสมัครงานหรือเปล่า หรือว่าทำงานตั้งนานมีแต่ความเก๋า แต่ความสามารถไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย ถ้าอย่างนั้น นายจ้างเอาเราออกแล้วไปจ้างเด็กใหม่ไฟแรงไม่ดีกว่าหรอ
อย่าลืมนะว่า เราหนะอายุมากขึ้นทุกวัน ถ้าวันนี้เรายังตอบตัวเองไม่ได้ว่า “ทำไมนายจ้างยังต้องจ้างเราต่อไป” อย่าคิดจะขอคิดเพิ่มเงินเดือนเลย เขาไม่เลิกจ้างเราแล้วไปจ้างคนอื่นที่เด็กกว่า ไฟแรงกว่า ก็ดีแค่ไหนแล้ว
ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า “รายได้จะโตตามทักษะที่มี”
ความที่มีความสามารถ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีงานหรอก ใครๆก็อยากได้เรามาทำงานให้ หลายคนอาจเคยพบเหตุการณ์ ถูกทาบทามซื้อตัว เห็นไหมครับ มีแต่คนอยากได้ เพราะบุคลากรแบบนี้ หากยากมาก ทุ่มเท่าไหร่ก็ยอม
แค่มีความสามารถมากขึ้น งานดีๆ เงินดีๆ จะวิ่งมาหาเอง แต่ถ้าทักษะไม่เพิ่ม เก่งเท่าเดิม แม้จะวิ่งหางานแทบตายก็อาจจะตกงานเอาง่ายๆเลย
“รายได้ขั้นต่ำที่สุดเอาไว้จ่ายลูกจ้างที่มีความสามารถทั่วๆไป เพื่อให้เขายังคงทำงานให้”
“แต่รายได้ราคาแพงที่สุดเอาไว้จ่ายลูกจ้างที่มีความสามารถมาก เพื่อรั้งไม่ให้เขาเลิกทำงาน”
สรุปแล้ว ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ถ้าคุณอยากมีรายได้เพิ่ม อยากจะมีรายได้เยอะๆ คุณต้องรู้จักเพิ่มค่าตัวให้ตัวเองตัวเอง ต้องเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองด้วยการเพิ่มทักษะของตัวเอง อัพตัวเองให้เชี่ยวชาญในงานที่ทำ แค่นี้ก็จะมีผู้คนวิ่งตามหาคุณเอง จนคุณแทบจะปฏิเสธไม่ทันเลยทีเดียว
แต่ถ้าคุณยังบอกว่า ไม่!! ฉันเก่งแล้ว แต่นายจ้างให้เงินน้อย
จะอยู่ทำไมหละครับ จะกลัวอะไรหละครับ ลาออกสิครับ กระถางใบนั้นอาจจะเล็กเกินไปแล้ว ขอบคุณงานเก่าแล้วเดินออกมาครับ เดี๋ยวไม่นานจะมีคนมาจ้างคุณเอง
ขอให้เชี่ยวชาญในงานที่ทำอย่างจริงจังเถอะครับ แล้วผู้คนจะแย่งจ่ายเงินให้คุณเอง เพื่ออยากได้ความสามารถของคุณ
{ Comments are closed! }